รถไฟฟ้าสีเทา ดันราคาที่ดิน วัชรพล-ประดิษฐ์มนูธรรม แตะวาละ 4.2 แสน

LWS จับมือ “โปรสเปคฯ” สำรวจราคาที่ดินและที่อยู่อาศัย จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเหลือง กับสายสีเทา (วัชรพล-ทองหล่อ) พบแปลงติดถนนใหญ่ ย่านวัชรพล-ประดิษฐ์มนูธรรม ราคาเสนอขายแตะ 420,000 บาท/ตารางวา ราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวเพิ่มขึ้น 20-25%

วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 นายปริสุทธิ์ รอดจากภัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท โปรสเปค แอพเพรซัล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทร่วมกับ LWS สำรวจทำเล วัชรพล-ประดิษฐ์มนูธรรม ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา

เป็นทำเลที่มีแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเทา (วัชรพล-ทองหล่อ) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าวสำโรง) ในรัศมี 2 กิโลเมตร พบว่า ราคาที่ดินและที่อยู่อาศัยติดแนวถนนใหญ่ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 ถึงปัจจุบัน

โดยราคาที่ดินติดถนนใหญ่ จากราคาขายเฉลี่ย 220,000-270,000 บาทต่อตารางวา ในปี 2560 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 390,000-420,000 บาทต่อตารางวา ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 เพิ่มขึ้น 55-77% หรือปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ต่อปี

ด้านราคาที่ดินอยู่ในซอย เสนอขายเฉลี่ย 100,000-190,000 บาทต่อตารางวา จากราคาขายเฉลี่ย 70,000-100,000 บาทต่อตารางวา ปรับเพิ่มขึ้น 40-100% เมื่อเทียบกับปี 2560

เช่นเดียวกับราคาที่อยู่อาศัย มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ กลุ่มราคา 2.5-7.8 ล้านบาทต่อหน่วย จากราคาขายเฉลี่ย 2.3-7 ล้านบาทต่อหน่วย ในปี 2558 หรือราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4% ต่อปี

ส่วนราคาคอนโดมิเนียมพบว่า โครงการที่อยู่ในซอยราคาขายมือสองลดลงเฉลี่ย 3% โดยมีราคาขาย 1.3-1.9 ล้านบาทต่อหน่วย ขนาดห้อง 23-46 ตารางเมตร ปรับลดลงจากราคาขาย 1.7-2.3 ล้านบาท ในปี 2558

ในขณะที่คอนโดฯอยู่ติดถนนใหญ่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า อยู่ที่ 2.2-2.8 ล้านบาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากราคาขายเฉลี่ย 1.7-2.6 ล้านบาทต่อหน่วย ขนาดห้อง 39-49 ตารางเมตร ในปี 2560 หรือปรับขึ้นเฉลี่ย 3% ต่อปี

“ราคาคอนโดฯในซอยปรับตัวลดลง เนื่องจากคอนโดฯติดถนนใหญ่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า สูงกว่าราคาคอนโดฯในซอยไม่มาก ทำให้ผู้ซื้อส่วนใหญ่เลือกซื้อชุดมือสองที่อยู่ติดถนนใหญ่ มากกว่าที่ซื้อโครงการในซอย เพราะจ่ายเพิ่มขึ้นไม่มากแต่การเดินทางสะดวกกว่า” นายปริสุทธิ์กล่าว

ด้านนายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด (LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

กล่าวว่า ทำเลนี้มีศักยภาพสำหรับการพัฒนา ทั้งโครงการในเชิงพาณิชย์ และที่อยู่อาศัย เป็นทำเลที่เรียกว่าศูนย์กลางธุรกิจใหม่ หรือ New CBD มีแหล่งงานและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์กับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนทุกวัย อาทิ ห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ สถานศึกษา โรงพยาบาล ฯลฯ

จากข้อมูลสถิติพื้นที่เขตวังทองหลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีจำนวนประชากร 103,456 คน มีจำนวนที่อยู่อาศัยจดทะเบียน 64,542 หลัง ยังไม่รวมประชากรแฝงในพื้นที่ที่คาดว่าจะมีไม่น้อยกว่า 100,000 คน

รายได้ของประชากรในพื้นที่จากผลการสำรวจของ Jobthai ดอทคอม พบว่ามีการประกาศรับสมัครพนักงาน ที่มีฐานเงินเดือน 9,500-45,000 บาทต่อเดือน ถือว่าเป็นกลุ่มประชากรที่มีรายได้ระดับกลางถึงสูง มีศักยภาพในการที่จะซื้อที่อยู่อาศัยได้ราคา 2.5-3 ล้านบาทต่อหน่วย

ยังไม่นับรวมผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก ที่อยู่ในทำเลย่านทาวน์อินทาวน์ ที่มีรายได้เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 100,000 บาทต่อเดือน ถือเป็นกลุ่มประชากรที่มีกำลังซื้อสูง

นายประพันธ์ศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันผังเมืองยังคงเป็นสีเหลือง ซึ่งทำให้การใช้ประโยชน์ที่ดินสามารถพัฒนาได้เฉพาะโครงการแนวราบ หรือคอนโดฯ ที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 10,000 ตารางเมตร

อย่างไรก็ตาม ร่างผังเมืองใหม่ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2568 ทำเลนี้จะเปลี่ยนเป็นผังเมืองสีส้ม หมายความว่าสามารถที่จะพัฒนาอาคารชุดขนาดพื้นที่ได้ตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตร หรือมากกว่า โดยมีเงื่อนไขที่ดินต้องอยู่ริมถนนใหญ่

จากแนวโน้มดังกล่าวจึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯที่จะซื้อที่ดิน เพื่อรอการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย หรือคอนโดฯกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท และบ้านพักอาศัยราคา 40 ล้านบาทต่อหน่วย สำหรับที่ดินติดถนนใหญ่

ส่วนที่ดินในซอย สามารถพัฒนาคอนโดฯราคา 1.5-3 ล้านบาทต่อหน่วย และบ้านพักอาศัยราคา 10 ล้านบาท ขึ้นไป

“ภายใต้ผังเมืองปัจจุบัน การพัฒนาที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ ประเภทบ้านแนวราบจะตอบโจทย์ได้มากกว่าคอนโดฯ แต่ถ้ารอให้มีการปรับผังเมืองใหม่ในปี 2568 ก็เป็นโอกาสสำหรับคอนโดฯ หรืออาคารเชิงพาณิชย์ เพื่อตอบโจทย์กับการขยายเมือง” นายประพันธ์ศักดิ์กล่าว

ปัจจุบันในทำเลนี้มีคอนโดฯ อยู่ระหว่างขาย 1 โครงการ ชะลอการขาย 1 โครงการ ทางผู้พัฒนาอสังหาฯทยอยคืนเงินลูกบ้านที่ได้ชำระเงินไปแล้ว โดยไม่มีการพัฒนาต่อ

และผลสำรวจในพื้นที่ 10 โครงการคอนโดมิเนียม ในระยะ 2 กิโลเมตร มีจำนวนเหลือขาย 42 หน่วย คาดว่าใช้เวลาในการขาย 3-4 เดือน และมีบ้านพักอยู่ระหว่างขาย 3 โครงการ เหลือขาย 60 หน่วย จากผลสำรวจ 12 โครงการ คาดว่าใช้เวลาขาย 3 ปี เนื่องจากบ้านมีราคาค่อนข้างสูงมาก

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รถไฟฟ้าสีเทา ดันราคาที่ดิน วัชรพล-ประดิษฐ์มนูธรรม แตะวาละ 4.2 แสน

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

– Website : https://www.prachachat.net

2024-07-04T11:50:48Z dg43tfdfdgfd