เงินเฟ้อไทยมิถุนายน 2567 สูงขึ้น 0.62% แต่ยังต่ำเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน

สนค.เผยเงินเฟ้อเดือนมิถุนายน 2567 สูงขึ้นในอัตราชะลอตัวที่ 0.62% จากผลกระทบค่าไฟฟ้า ราคาอาหารสดสูงขึ้น แต่ยังต่ำเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน 8 ประเทศ ขณะที่เงินเฟ้อทั้งประเทศยังคง 0.5% ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3 คาดทรงตัว

วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย (เงินเฟ้อ) เดือนมิถุนายน 2567 เท่ากับ 108.50 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป สูงขึ้นในอัตราชะลอตัวที่ 0.62% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสำคัญมาจาก ผลกระทบจากฐานต่ำของค่ากระแสไฟฟ้าในเดือนก่อนหน้าสิ้นสุดลง ประกอบกับราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดสูงขึ้นในอัตราชะลอตัว

ทั้งนี้ เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกหลังจากสิ้นสุดช่วงสภาพอากาศร้อนจัด สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก ทำให้เงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ เดือนพฤษภาคม 2567 สูงขึ้น 1.54% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งตัวขึ้นจากปัจจัยชั่วคราว แต่ยังอยู่ในระดับต่ำอันดับ 23 จาก 126 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข เช่น บรูไน สปป.ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย

นอกจากนี้ หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 0.48% จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ กลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง (ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว) กลุ่มอาหารสด อาทิ ไข่ไก่ ผลไม้สด (มะม่วง ทุเรียน กล้วยน้ำว้า แตงโม กล้วยหอม องุ่น สับปะรด) และผักสด (มะเขือเทศ ขิง ฟักทอง พริกสด ต้นหอม บวบ ผักบุ้ง มะเขือ ผักชี) กลุ่มอาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้าน (กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง)

กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำหวาน กาแฟ (ร้อน/เย็น)) และกลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (น้ำตาลทราย กะทิสำเร็จรูป น้ำพริกแกง) ขณะที่ยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ เนื้อสุกร มะนาว ปลาทู น้ำมันพืช ไก่ย่าง ส้มเขียวหวาน หัวหอมแดง และกระเทียม เป็นต้น

หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 0.71% จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง (แก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน) กลุ่มค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (แป้งทาผิวกาย ยาสีฟัน ค่าแต่งผมสตรีและบุรุษ กระดาษชำระ) และกลุ่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (สุรา เบียร์)

อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการ ที่ราคาลดลง อาทิ ค่ากระแสไฟฟ้า ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างห้องน้ำ ผลิตภัณฑ์ซักผ้า (น้ำยาซักแห้ง) เสื้อยืดบุรุษและสตรี และเสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี เป็นต้น

ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (เงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้น 0.36% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนพฤษภาคม 2567 ที่สูงขึ้น 0.39% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิถุนายน 2567 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2567 ลดลง 0.31% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ตามการลดลงของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 0.67% ปรับลดลงตามราคาผักสด (มะเขือ ถั่วฝักยาว มะนาว แตงกวา ผักคะน้า ผักชี ผักบุ้ง ผักกาดขาว) เนื้อสุกร ปลาทู น้ำมันพืช และอาหารโทร.สั่ง (Delivery)

ขณะที่ไข่ไก่ ทุเรียน มะม่วง และไก่ย่าง ราคาปรับสูงขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา และหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหาร

และเครื่องดื่ม ลดลง 0.07% จากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (แก๊สโซฮอล์ น้ำมันเบนซิน) และของใช้ส่วนบุคคลบางรายการ (แชมพู สบู่ถูตัว ยาสีฟัน) อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าสำคัญที่ราคาปรับสูงขึ้น อาทิ น้ำมันดีเซล ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว และค่าแต่งผมสตรีและบุรุษ เป็นต้น

 

แนวโน้มเงินเฟ้อไตรมาส 3

นายพูนพงษ์กล่าวอีกว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปไตรมาส 3 ปี 2567 คาดว่ามีแนวโน้มอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 2 ปี 2567 โดยปัจจัยที่ยังทำให้อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ ได้แก่

(1) ค่ากระแสไฟฟ้าภาคครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้า ตามมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ

(2) สภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อภาคการเกษตรมากขึ้น หลังจากสิ้นสุดช่วงอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ปริมาณผลผลิตและราคาสินค้าภาคการเกษตรปรับเข้าสู่ระดับปกติ

(3) การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการค้าส่งและค้าปลีกรายใหญ่ รวมทั้งการค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ตามสภาวะที่มีการแข่งขันสูง

ขณะที่ปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ได้แก่

(1) ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศ กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

(2) อัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มอ่อนค่ากว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน

(3) ความไม่แน่นอนจากผลกระทบของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อาจทำให้ราคาน้ำมันและค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ระหว่าง 0.0-1.0% โดยมีค่ากลาง

0.5% ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนอีกครั้ง

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เงินเฟ้อไทยมิถุนายน 2567 สูงขึ้น 0.62% แต่ยังต่ำเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

– Website : https://www.prachachat.net

2024-07-05T08:21:12Z dg43tfdfdgfd